หอบลูกเที่ยวกาญจนบุรีกับ The New Isuzu MU-X (ตอนที่ 2: เหมืองปิล็อก)
หอบลูกเที่ยวกาญจนบุรีกับ The New Isuzu MU-X ตอนที่ 2 นี้จะพาแวะไปเยือนชุมชนบ้านอีต่อง ในพื้นที่เหมืองปิล็อกที่อำเภอทองผาภูมิกันค่ะ
ถามว่าที่นี่มีอะไร ไม่มีอะไรพิเศษเลยค่ะ เป็นหมู่บ้านธรรมด๊า..ธรรมดาของลูกหลานชาวเหมืองแล้วก็ชาวพม่า มีตลาดปิล็อกเล็กๆ ขายขนมและสินค้าจากพม่า เอ๊า…แล้วพาลูกมาเที่ยวทำไมกันล่ะ พามารู้เรียนรู้ผู้คนและชีวิตในอีกรูปแบบที่เราไม่เคยรู้จักค่ะ
ที่พักคืนแรก
หลังจากวันแรกเที่ยวเมืองมัลลิกา ร.ศ.124 แล้ว ค่ำนั้นเราเลือกนอนค้างในอำเภอไทรโยคก่อนเป็นที่แรก ขับรถจากเมืองมัลลิกาไปประมาณ 45 นาที ก็ถึงโรงแรมบูติค ราฟท์ รีสอร์ท ริเวอร์แคว เนื่องจากทริปนี้วางแผนไม่นานก็เลยจองที่พักเอง ไม่ใช่สปอนเซอร์รีวิว แต่ถูกใจที่พักจนต้องมารีวิวแนะนำให้
แพพักที่บูติค ราฟท์ รีสอร์ทนี้ผูกทุ่นไว้อย่างนิ่ง ไม่มีเรื่องน้ำกระเพื่อมแพโยกให้เวียนหัว แต่ถ้ามีเด็กเล็กมากๆ ไปด้วยก็ควรจะระวังกันหน่อยเพราะอยู่ติดน้ำซะขนาดนี้ เราจองห้องแบบนอน 3 คนก็จะได้เตียงควีนไซส์ 1 เตียง และเตียงเดี่ยวอีก 1 เตียง ห้องพักสะอาด ห้องน้ำสะอาด ไม่มีมดแมลงกวนใจ อาหารเย็นก็รับประทานกันที่รีสอร์ทได้เลยไม่ต้องเสียเวลาขับไปข้างนอกอีก ส่วนมื้อเช้า ถ้าเป็นวันธรรมดาคนน้อยจะได้อาหารเซ็ตแทนบุฟเฟ่ต์ แต่ก็อะนะ…ดูรูปเอานะคะว่าจัดเต็มแค่ไหน
มัวแต่ไปเล่นชิงช้า-ถ่ายรูปกับสะพาน ออกจากรีสอร์ทก็ใกล้เที่ยง ขับไปตามป้ายอ.ทองผาภูมิ คือเลียบผ่านหน้าเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วแยกไปทางซ้ายแทนที่จะตรงขึ้นเหนือไปอ.สังขละบุรี ระยะทางประมาณ 154 กิโลเมตรแต่ขับรถอยู่ 3 ชั่วโมง หน้าจอ GPS โชว์ถนนรูปตัว S ต่อกันไปเรื่อยๆ จนถึงปิล็อก เพิ่งรู้จากป้ายต้อนรับ ผ่านมา 339 โค้ง!
ชุมชนบ้านอีต่อง
บ้านอีต่องอยู่ติดชายแดนพม่า เคยมีประชากรอยู่เป็นพันครัวเรือนในสมัยที่การทำเหมืองแร่เฟื่องฟู ก็ราวๆ พ.ศ.2483 ตอนนั้นมีเหมืองอยู่ประมาณ 50-60 เหมือง แต่พอเกิดวิกฤตราคาแร่ทั่วโลกตกต่ำ แต่ละเหมืองก็ต้องปิดตัวลงไปโดยปริยาย คนงานก็อพยพย้ายออกจนตอนนี้เหลือประชากรไม่กี่หลังคา ชื่อ ‘ปิล็อก’ นี่ก็มีที่มานะคะ คือตอนแรกๆ ที่เพิ่งเปิดเหมือง กรรมกรพม่าแอบเอาแร่ไปขายให้คนอังกฤษ พอถูกตำรวจไทยจับได้ก็เกิดการปะทะกันมีคนบาดเจ็บล้มตาย ชาวบ้านเรียกกันว่าเหมืองผีหลอก ตอนหลังก็เพี้ยนเป็น ปิล็อก นี่ล่ะ
ถามว่าที่นี่มีอะไร ไม่มีอะไรพิเศษเลยค่ะ เป็นหมู่บ้านธรรมด๊า..ธรรมดาของลูกหลานชาวเหมืองแล้วก็ชาวพม่า มีตลาดปิล็อกเล็กๆ ขายขนมและสินค้าจากพม่า มีร้านกาแฟตึกแถวซึ่งไม่ได้ออกแบบให้ดูกิ๊บเก๋อะไร ถ้าไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยวบางร้านก็ปิดด้วยซ้ำ จะบอกว่าเงียบสงบไหมก็ไม่เชิงนะคะ เพราะเขาก็ตะโกนคุยกันไปมาระหว่างบ้านนั้นกับบ้านโน้น เล่นกีตาร์ร้องเพลงหัวเราะกันในตลาดไปจนเย็นย่ำ พอดีครอบครัวเราเลือกที่พักติดกับตลาดด้วยก็เลยรู้สึกได้ถึงความแอคทีฟของคนที่นี่ได้เป็นพิเศษ เอ๊า…แล้วพาลูกมาเที่ยวทำไมกันล่ะ พามารู้เรียนรู้ผู้คนและชีวิตในอีกรูปแบบที่เราไม่เคยรู้จักค่ะ แม่เบียร์กับพ่อแก้วสอนลูกให้เปิดใจอีกนิด มองว่านี่คือบุคลิกและวิถีความเป็นอยู่แบบชาวเหมือง เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวสักหน่อย เราต่างหากที่มานอนบ้านเขาก็ต้องปรับตัวไปตามเจ้าของบ้าน ได้สัมผัสบรรยากาศอีกแบบหนึ่งเก็บไว้ในสมุดบันทึกการเดินทาง
อากาศที่เหมืองปิล็อกเย็นตลอดปี เดือนมีนาคมที่กรุงเทพ 34 องศา แต่เราไปยืนตัวสั่นกันบน ‘เนินช้างศึก’ ที่อยู่ใกล้ๆ หมู่บ้าน ตอน 5 โมงเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 16-17 องศา จังหวะที่พระอาทิตย์ตกเหมือนได้ของขวัญปลอบใจที่อุตส่าห์ขับมา 339 โค้ง วิวสวยมาก ไปไม่ทันนี่ถือว่าพลาดแรง (แถมไม่ต้องเดินขึ้นไปไกล อันนี้แม่ชอบ) อ้อ…ในหมู่บ้านยังมีไฮไลท์อีกจุดนึงที่พาเด็กๆ ไปเดินเล่นดูได้ คือ ซากรถ เครื่องมือ เครื่องจักรเก่าๆ ที่เคยใช้งานอยู่ในเหมือง เห็นแล้วนึกถึงพร็อพประกอบฉากในหนังผจญภัยเลย
ที่พักในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์ บางหลังเป็นโฮสเทลเล็กๆ 2 ชั้น 10 กว่าห้อง ไม่มีแอร์แต่ยังต้องแง้มหน้าต่างนอนเพราะหนาวเหลือเกิน เรานอนที่นึงแต่ใจอยากแนะนำอีกที่นึงซึ่งเราไปนั่งกินมื้อเย็นง่ายๆ กัน ชื่อ Pilok Camp Coffee บ้านพักแบบเป็นหลังหันหน้าเข้าหาฝายเก็บน้ำ
เอาล่ะ คืนนี้พาเด็กๆ เข้านอนกันก่อนเพราะเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปสังขละบุรีกันต่อ
บ้านอีต่อง
ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
N14.678330 E98.369613