เที่ยวอุทัย ล่องเรือแม่น้ำสะแกกรัง สัมผัสชีวิตชาวแพ
ล่องเรือแม่น้ำสะแกกรัง
‘สะแกกรัง’ เป็นชื่อแม่น้ำซึ่งมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาโมโกจู (เห็นชื่อแบบนี้ไม่ใช่ภูเขามองโกเลียที่ไหน แต่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์นี่เองค่ะ) แม่น้ำสะแกกรังไหลผ่านมายังจังหวัดอุทัยธานีบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะลงสู่ภาคกลางตอนล่างต่อไป ที่น่าสนใจก็คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสต้นทางเรือมาตามแม่น้ำสายนี้ และแวะพักผ่อนหุงหาอาหารเสวยบนแพริมน้ำด้วย
เมื่อมาเยือนอุทัยธานี สิ่งแรกที่ควรทำคือลงเรือล่องแม่น้ำสะแกกรัง ท่าเรือริเวอร์ครุยส์ของคุณวีระ บำรุงศรีอยู่เยื้องกับศาลากลางจังหวัดนี่เอง คุณวีระใจดีเอื้อเฟื้อเรือเอี๊ยมจุ๊นดัดแปลงตกแต่งสวยงามขนาด 15 ที่นั่ง พร้อมส่งคุณหน่อง ผู้บริหารและคุณตุ๊ย มัคคุเทศก์มาดูแลตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ล่องเรือไปกลับเรือนแพหลังเล็กๆ เรียงรายอยู่ริมน้ำ คุณป้านอนเอกเขนกในแพผงกศีรษะขึ้นมาดูแล้วโบกมือให้พวกเราเพราะรู้จักคุ้นเคยกับคุณตุ๊ย ในอดีตชุมชนชาวแพอาศัยอยู่ในแม่น้ำสายนี้กว่า 300 หลัง แต่ละหลังมีหนังสือโฉนดจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย ปัจจุบันแพเหล่านี้หลงเหลือให้เห็นจำนวนเพียงครึ่งเดียว ถ้าสังเกตดีๆ เรือนแพเหล่านี้มีหลังคาต่างกัน 2 แบบ คือหลังคาทรงจั่วและหลังคาทรงปั้นหยา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านไทยภาคกลางมาแต่โบราณ
“ค่อยๆ เดินบนกระดานไม้ ไม่หล่นหรอกลูก” เสียงป้าแต๋วบอกเด็กๆ ขณะนำหน้าไปที่กระชังปลาข้างแพ อาชีพหลักของชาวแพส่วนใหญ่คือทำประมงปลาน้ำจืดและเลี้ยงปลาในกระชัง เด็กๆ โยนกล้วยและผักบุ้งลงในน้ำด้วยความประหลาดใจ ปลาแรด ปลาเทโพบ้านป้าแต๋วกินกล้วย แตงโมและผักเป็นอาหาร เราซื้อปลาย่างรมควันหลายตับไว้เป็นของฝากด้วย ปลาสดๆ 100 กิโลกรัมเมื่อตากแดดทำปลาย่างแล้วเหลือแค่ 25 กิโลราคาขายจึงย่อมสูงเป็นธรรมดา ตับหนึ่งได้ปลา 2 ขีดราคา 300 บาท แต่ป้าแต๋วรมควันปลาเนื้ออ่อนตัวโตได้หอมฉุยและสดใหม่ไม่เหมือนซื้อในกรุงเทพ ถึงบ้านเมื่อไรจะต้มโคล้งปลาย่างใส่มะขามเปียกเป็นมื้อแรกเลย แล้วถ้าอยากรู้ว่าบ้านพักส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเทพฯ อยู่ตรงไหน ต้องให้คุณตุ๊ยชี้ให้ดูเพราะหลังไม่ใหญ่ รูปทรงธรรมดาสร้างกลมกลืนปลูกอยู่ติดกับชาวบ้านทั่วไป นับเป็นบุญตายิ่งนักที่ได้เห็น
ติดต่อ
เรือริเวอร์ครุยส์
อ.เมือง อุทัยธานี
พิกัด N15.37494 E100.03766
โทรศัพท์ 08-7197-5320
ร้านป้าสำราญ
เกาะเทโพ อ.เมือง อุทัยธานี
พิกัด N15.373023 E.100072419
โทรศัพท์ 0-5698-0085
นอนเกาะเทโพ
เดิมเกาะเทโพเป็นแหลมยื่นออกมาคั่นระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำสะแกกรัง ต่อมามีการขุดคลองเชื่อมทางเหนือก็เลยกลายเป็นเกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พื้นที่บนเกาะกว่า 10,000 ไร่ ชาวบ้านมีอาชีพทำนา ทำสวนผลไม้ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา ทำเครื่องจักสาน สะพานข้ามมายังเกาะเทโพมีเพียง 2 สะพาน คือสะพานรถวิ่งและสะพานคนข้าม ส่วนถนนในเกาะเส้นเล็กๆ ไม่ค่อยมีรถวิ่ง ก็เลยเป็นที่ถูกใจนักขี่จักรยาน หาร้านจักรยานใกล้ๆ ธนาคารกรุงเทพแล้วเช่าวันละ 40 บาท ขี่ข้ามสะพานมาที่เกาะเลยก็ได้ แต่จะให้อินกับบรรยากาศ แนะนำให้นอนค้างที่รีสอร์ตบนเกาะเทโพ จะได้มีเวลาอ้อยอิ่งดูโน่นดูนี่นานๆ ไล่มาจากสะพานคนข้ามจะพบวัดโบสถ์หรือวัดอุโปสถาราม มีลักษณะเด่นคือมีมณฑปแปดเหลี่ยมประดับปูนปั้นลวดลายตามศิลปะแบบยุโรป ภายในมีภาพเขียนฝาผนัง เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นได้แวะที่วัดนี้เพื่อนมัสการพระครูจันเจ้าอาวาส
ตามถนนรอบเกาะไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านป้าเจ๊กรั้วสีน้ำเงินอยู่หลังป้าย ‘บ้านน้ำตก กลุ่มปลาย่าง-กระชังปลา’ ไม่ว่าใครจะมาเรียก ป้าเจ๊กยินดีพาเข้าไปดูถึงหลังบ้านเลย ตอนเช้าๆ เขาจะต้มข้าวกับรำและข้าวโพดป่นใส่กระทะใบใหญ่เอาไว้เลี้ยงปลาเทโพ ปลาสวายในกระชัง ถ้าวันไหนมีปลาเนื้ออ่อน ปลาตะเพียน หรือปลาตะโกกเข้ามาพอดี ก็จะเห็นกรรมวิธีการตากแห้งและรมควันเปิดกระจกรถลงสูดอากาศสดชื่น จอดลงไปดูรวงข้าวอ่อนๆ ในนาก่อนจะผ่านสวนผักและผลไม้ เลยไปอีกสักพักเป็น ‘บ้านท่าดินแดงกลุ่มทำเสื่อลำแพน’ และถ้าท้องร้องเมื่อไหร่ต้องนี่เลยร้านป้าสำราญ โต๊ะริมแม่น้ำ สั่งทอดมันปลายี่สก ปลาลึงทอดน้ำปลาหั่นเป็นแว่นไม่มีก้างเล็ก เด็กๆ ถูกใจจนอยากห่อกลับไปกินต่อที่บ้าน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ข้ามสะพานมาตลาดอย่าให้เกิน 8 โมงเช้าเพราะตลาดจะวายเสียก่อน แม่ค้าพ่อค้าปูเสื่อบนพื้นหน้าอาคารตลาดสดเทศบาลวางขายผักผลไม้และปลาเป็น เราซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวโพด ทอดมัน และข้าวแต๋นน้ำแตงโมเป็นอาหารเช้า อร่อยง่ายๆ กันตรงบันไดริมท่าน้ำแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
พระมหาวิหารแก้ว วัดท่าซุง
พระมหาวิหารแก้ว เป็นส่วนหนึ่งของวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) แปลกไม่เหมือนที่อื่นและสร้างความประทับใจในครั้งแรกที่ได้เห็น ตัววิหารมีความยาวถึง 100 เมตร ภายในมีเสาสูงจรดเพดานซึ่งทั้งหมดประดับด้วยกระจกชิ้นเล็กๆ เมื่อสะท้อนแสงไฟไปมาจึงดูเหมือนผลึกแก้วใสส่องประกายระยิบระยับงามตา ด้านหน้าทางเข้ามีโลงบรรจุองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำผู้เป็นที่นับถือของประชาชนทั่วไป วิหารนี้เปิดวันละ 2 รอบเพื่อใช้สถานที่ประกอบกิจสงฆ์ จึงควรตรวจสอบเวลาให้ดีก่อนอีกฝั่งของถนนใหญ่ตรงข้ามวิหารแก้วเป็นทางเข้าไปพระอุโบสถเก่า พาเด็กๆ เดินเลาะไปด้านหลังหอฉันจะเจอวังมัจฉา ปลาเทโพมากมายเหลือคณานับเดาว่าเป็นหมื่นๆ ตัวอาศัยอยู่ ซื้ออาหารเม็ดและขนมปังเลี้ยงปลากันจนเพลินเป็นชั่วโมง ตรงนี้มีบริการเรือหางยาวล่องแม่น้ำสะแกกรัง 40 นาทีในราคาคนละ 50 บาทเด็ก 20 บาท แต่ต้องรอผู้โดยสารให้ครบ 10 คนจึงจะออก
ที่ตั้ง
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
ต.น้ำซึม อ.เมือง อุทัยธานี
พระมหาวิหารแก้ว เปิดให้เข้าชม 9.00-11.45 น .และ 14.00-16.00 น.
www.watthasung.com
ยอดเขาสะแกกรัง
บ้านสะแกกรังเป็นปิตุภูมิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี จังหวัดอุทัยธานีจึงได้สร้างพระบรมรูปพระปฐมบรมมหาชนกเป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าองค์จริงประทับในพลับพลาจตุรมุข ซึ่งออกแบบโดยกรมศิลปากร ประดิษฐานไว้บนยอดเขาสะแกกรังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ และทรงปลูกต้นโพธิ์ ต้นไทรคู่กันตรงทางเข้าพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2522 เมื่อถึงวันออกพรรษาจะมีพระสงฆ์กว่า 500 รูป เดินลงมาตามบันได 449 ขั้น จากมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังสู่ลานวัดสังกัสรัตนคีรีที่เชิงเขาเพื่อรับบิณฑบาต นับว่าเป็นประเพณีสำคัญที่อยู่คู่เมืองอุทัยธานี
ที่ตั้ง
วัดสังกัสรัตนคีรี
หมู่ 3 ต.นํ้าซึม อ.เมือง อุทัยธานี