เกาะสีชัง ความหลังแห่งพระตำหนัก

เกาะสีชัง ความหลังแห่งพระตำหนัก

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อเจ้านายพระองค์ใดเกิดประชวรขึ้นมา ก็มักจะมาพักรักษาพระองค์ที่เกาะสีชัง ด้วยถือว่าเป็นแหล่งที่มีอากาศดี อาการประชวรก็ทุเลาโดยเร็ว พระจุฑาธุชราชฐานจึงเป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

การเดินทางมาเที่ยวเกาะสีชังไม่ยากเลย เพียงแค่มาที่ท่าเรือบริเวณสวนสาธารณะเกาะลอยก่อนเวลาสัก 15 นาที เรือโดยสารไม้สองชั้นจะออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อถึงท่าเกาะสีชังก็เหมารถสามล้อพ่วงคันหนึ่งนั่งได้ 6 คน เรียกให้ไปส่งไปรับที่ไหนก็ได้ทั้งวันตามชอบ

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน
จุดแรกที่เราแวะลงไปดูคือ พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน ซึ่งเป็นของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านนอกอาคารเป็นบ่อตัวอย่างสัตว์น้ำ มีหอยเม่น หอยสังข์มะระ ปลา และปะการังชนิดต่างๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนภายในอาคารตกแต่งด้วยบรรยากาศเรือเดินสมุทร 2 ชั้น ให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์สัตว์น้ำที่พบบริเวณเกาะสีชัง รวมถึงตัวอย่างปะการังชนิดต่างๆ เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์และระบบนิเวศน์ทางทะเลของเกาะสีชังเหมาะกับการทำวิจัยทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ที่นี่จึงมีโครงการวิจัยต้นแบบหลายโครงการ เช่น การเลี้ยงปลากะพงขาวด้วยแสงอาทิตย์ หรือการผลิตอาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงปลาเก๋า รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการัง

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นตามรอยพระยุคลบาท ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด ‘เอกสหิบิเชน’ แสดงสิ่งของหายากบนเกาะสีชัง เพื่อเป็นการเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2434 สิ่งของที่นำมาจัดแสดงในครั้งนั้นได้แก่ รังนกซึ่งเพิ่งพบว่ามีที่เกาะสีชัง พันธุ์ไม้ แร่ธาตุ แหวนทำด้วยเปลือกหอยหายาก กรอบรูปโรยทราย เป็นต้น ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

พระจุฑาธุชราชฐาน
จากพิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถานเดินเลียบชายหาดไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงบริเวณพระราชฐาน ไม่จำเป็นต้องเดินชมจนทั่วพื้นที่ 219 ไร่นะคะ แค่เดินเลียบหาดไปยังสะพานอัษฎางค์และพระตำหนักอีก 4 หลังที่ได้รับการบูรณะอย่างดีก็น่าจะพอดีกับกำลังขาของเด็กๆ แล้ว ส่วนคุณพ่ออาจจะเดินขึ้นเขาไปจนถึงพระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตรก็ได้ เพื่อชมเจดีย์ทรงลังกาผสมศิลปะโกธิก มีประตูหน้าต่างโค้งและช่องแสงประดับกระจกสี สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

แม้ว่าพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์จะถูกรื้อถอนเหลือเพียงฐานให้เห็น แต่เรือนไม้ริมทะเลสีเขียวใกล้ๆ กันนั้นยังอยู่ในสภาพดี สันนิษฐานว่าเคยเป็นเรือนพักตากอากาศของชาวต่างประเทศ ต่อมาปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ก่อนจะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน ปัจจุบันเป็นร้านกาแฟและที่นั่งพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ได้มาแวะนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่เรือนไม้นี้ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเกาะสีชัง

เกาะสีชัง

เรือนไม้อีก 3 หลังถัดไปที่เราจะเดินไปชมกันนั้น แต่เดิมเป็นเรือนพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยเรียกว่า ‘อาไศรยสถาน’ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระคลังข้างที่ให้สร้างขึ้น เรือนแรกคือเรือนวัฒนา เป็นตึกสองชั้นมีเฉลียงด้านหน้า ปลูกอยู่ริมหาดทราย ปัจจุบันทั้งชั้นล่างและชั้นบนจัดแสดงเหตุการณ์สำคัญ เช่น การพระราชทานสิ่งของแก่ราษฎร การเปิดโรงเรียนเสาวภา การก่อพระฤกษ์รากพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ยืนอ่านได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์แบบเพลินๆ

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

ถัดมาคือเรือนผ่องศรี เป็นตึกกลมชั้นเดียวมีเฉลียงรอบตั้งอยู่บนเนินเขา ปัจจับันแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและประวัติผู้มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับเกาะสีชังในอดีต สุดท้ายคือเรือนอภิรมย์เป็นตึกยาวชั้นเดียวมี 5 ห้องและเฉลียงทั้งด้านหน้าหลัง ปัจจุบันแสดงนิทรรศการสิ่งปลูกสร้างและพืชพันธุ์บนเกาะสีชัง หากสังเกตให้ดีจะเห็นต้นลั่นทมขาวดาษดื่นทั่วบริเวณพระราชฐาน ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ดอกที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดมาก ชาวสีชังจึงถือเป็นพันธุ์ไม้ประจำเกาะ

เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

อ่าวอัษฎางค์ (หาดถ้ำพัง)
มื้อกลางวันเรียกรถสามล้อพาไปส่งที่นี่เลย ริมอ่าวอัษฎางค์มีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน กางร่มตั้งโต๊ะและเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาดต่อกันจนไม่มีช่องให้แดดส่องลงมา คนท้องถิ่นแนะนำว่าร้านสาวน้อยด้านในสุดรสชาติดี เราเลยจัดไปทั้งไก่ทอด ส้มตำ ราดหน้าทะเล ราคาข้าวไข่เจียวและอาหารจานเดียวประมาณ 50- 70 บาท แม้ว่าคนจะเยอะในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ไม่มีกรุ๊ปทัวร์ ต่างคนต่างอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อยไม่เอะอะ เพราะส่วนใหญ่เมื่ออิ่มแล้วจะหลับคาเก้าอี้ไปเลย เด็กๆ อดใจไม่ไหวกับน้ำทะเลใสๆ ทรายสะอาดตรงหน้า ขอยืนแช่ขาแป๊บนึง แต่สุดท้ายต้องได้หาที่อาบน้ำเพราะเปียกไปถึงอก ซึ่งเดินขึ้นมาข้างบนก็มีห้องอาบน้ำบริการในราคาคนละ 20 บาท (เด็ก 10 บาท) ฉะนั้นเผื่อเสื้อผ้าไปเล่นน้ำด้วยก็ได้

ที่ตั้ง

เกาะสีชัง
เดินทางจากท่าเรือเกาะลอย ศรีราชา พิกัด N13.173617 E100.919883
เรือให้บริการทุกชั่วโมง 6.00 – 19.00 น.
บัตรโดยสารราคา 50 บาท/ที่นั่ง
รถสามล้อพ่วงบนเกาะ เหมาทั้งวัน 250บาท/คัน
เรือสีชังพาเลซ โทรศัพท์ 0-3821-6276-82 หรือ เรือแสงประทีปบริการ โทรศัพท์ 0-3831-3687